15.00 น.      พบกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน W ประตู 10 สายการบินเสฉวนแอร์ไลน์ (3U) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกทางด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง

18.05 น.      ออกเดินทางสู่ กรุงเฉิงตู โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-3936 (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง 45 นาที) **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง** กระเป๋าใบใหญ่โหลด 23 กิโลกรัมต่อท่าน ท่านละ 1 ใบเท่านั้น (โปรดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด)

21.55 น.      ถึง ท่าอากาศยานเฉิงตู (เวลาท้องถิ่น: เร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมิน ใจกลางมณฑล มีภูมิประเทศรายรอบไปด้วยเทือกเขา และมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีฤดูร้อนที่อบอุ่น ฤดูหนาวที่ไม่หนาวนัก ประชากรเมืองเฉิงตูมีราว 10 ล้านคน จัดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้

นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรมพักผ่อน

TIANFU INTERNATIONAL HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

ที่พักทางสายการบินเป็นผู้จัดให้ใกล้สนามบิน

เช้า             รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

12.00 น.     ออกเดินทางสู่ อูรูมูฉี โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-6513 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 45 นาที) **บริการของว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง** กระเป๋าใบใหญ่โหลด 23 กิโลกรัมต่อท่าน ท่านละ 1 ใบเท่านั้น (โปรดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด)

15.50 น.     ถึง ท่าอากาศยานอูรูมูฉี (Ürümqi Diwopu International Airport) เมืองเอกของเขต    

ปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นศูนย์กลางเส้นทางสำคัญของทางสายไหมในยุคราชวงศ์ถัง ได้พัฒนาความเป็นศูนย์กลางทางด้านผู้นำทางวัฒนธรรมและทางการค้ายุคราชวงศ์ชิงในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปี ค.ศ. 2015 มีประชากรราว 3.5 ล้านคนอุรุมชี เป็นนครที่ใหญ่ที่สุดทางทิศตะวันตกของประเทศ ทั้งเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของแถบเอเชียกลางอีกด้วย ตามบันทึกของกินเนสบุ๊คอ๊อฟเร็คคอร์ด อุรุมชี เป็นเมืองใหญ่ที่ห่างไกลจากทะเลมากที่สุดในโลก มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่องนับแต่ปี 1990 ในปัจจุบัน เป็นเมืองศูนย์กลางด้านคมนาคมภายในประเทศ ทั้งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการพาณิชย์ จากนั้น นำท่านชม สวนสาธารณะหงซาน ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนใต้ของเมืองอูหลู่มู่ฉีเป็นสวนที่ตกแต่งด้วยเก๋งจีน และสถูปองค์เล็กๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อเสริมฮวงจุ้ยให้กับเมืองอูหลู่มู่ฉีและยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 4A ของประเทศ และเป็นหนึ่งในสิบทิวทัศน์ใหม่ของเมือง Urumqi ได้รับชื่อจากที่ตั้งของภูเขาสีแดง ภูเขาหงซานประกอบด้วยหินกรวดสีม่วง และมีสีแดงจึงเป็นที่มาของชื่อ "ภูเขาแดง" แล้วนำท่านช้อปปิ้ง ตลาดนัดขายสินค้าพื้นเมืองต้าปาจา เพื่อชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ท่านจะได้เลือกซื้อของที่ระลึกเช่น ผ้าพันคอสีสวย เครื่องเงินแบบอาหรับ และผลไม้อบแห้ง เช่น องุ่น แอปริคอด กีวี อินทผาลัม เลือกซื้อเมล็ดอัลมอนอบแห้ง เมล็ดวอลนัทอบแห้ง และถั่วอบแห้งชนิดต่างๆ

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

YAXIN INTERNATIONAL  HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเทียนฉือ ล่องเรือชมความสวยงามของทะเลสาบสรวงสวรรค์ (รวมค่ารถกอล์ฟ และค่าเรือ) อยู่บนเทือกเขาเทียนซาน มีความสูง 5,445 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ชมความงามของธรรมชาติในระดับความสูง 1,900 เมตร ระหว่างทางเพลิดเพลิน กับป่าไม้เขียวขจี แม่น้ำลำธารที่ไหลเชี่ยวและทุ่งหญ้าดอกไม้บานสะพรั่ง

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

บ่าย            นำท่านเดินทาง สู่เมืองทูรูฟาน ผ่านต้าป่านเฉิง โรงงานไฟฟ้าพลังลมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ผ่านชมกังหันลมที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า แล้วผ่านชม “เหยียนหู” ทะเลสาบเกลือ อูรูมูฉี มีระยะห่างไกลทะเล ถึง 2,000-3,000 กม. แตพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นดินเค็ม และมีทะเลสาบเกลือเล็กๆ หลายแห่ง สันนิษฐานว่าเมื่อหลายล้านปีก่อน พื้นที่แถบนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ต่อเมื่อมีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ส่วนที่เป็นพื้นดินใต้ทะเลจึงได้พลิกขึ้นมาอยู่บนผิวโลก เดินทางถึงทูรูฟาน เมืองโอเอซีสอีกแห่งบนเส้นทางสายไหม เป็นเมือง 3 ที่สุด ในเขตซินเกียง (1.ต่ำที่สุดในจีน ต่ำจากระดับน้ำทะเล 154.43 เมตร 2.ร้อนและแห้งที่สุดในจีน อุณหภูมิเฉลี่ย 40 องศาเซลเซียส เคยร้อนสูงสุดถึง 49 องศาเซลเซียส 3.ลมแรงสุด จึงมีโรงงานไฟฟ้าพลังลมหลายแห่ง) เมืองทูรูฟานเป็นเมืองผลไม้ที่ลีอชื่อ ของมณฑลซินเกียง มีทั้งองุ่น ลูกท้อ แอพริคอด แตงฮามี โดยเฉพาะองุ่นเป็นผลไม้ที่ปลูกมากที่สุด ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

HAMPTON BY HILTON HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านชม   ถ้ำพระพันองค์千佛洞 (เชียนฝอต้ง) เป็นมรดกของจีนโบราณอันลือชื่อในวงการศิลปกรรมโลก ประกอบด้วยถ้ำหมู่(คูหา) น้อยใหญ่ที่เจาะตามภูเขากว่า 490 คูหา มีภาพเขียนสีโบราณและพระพุทธรูปแกะสลัก กว่า 2500 ชิ้นในบริเวณถ้ำหมู่แห่งนี้ งานแกะสลักและภาพเขียนเริ่มต้นในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 3

นำท่านชม เมืองโบราณเกาชาง ตั้งอยู่ในมณฑลซินเจียงของประเทศจีน ริมขอบทางด้านเหนือของทะเลทราย ทาคลามากัน สันนิษฐานว่าเกาชาง เริ่มก่อตั้งในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ช่วงที่ราชวงศ์ฮั่นขยายอำนาจเข้ามาในดินแดนนี้ เมืองเกาชางจึงเริ่มจากเป็นค่ายทหาร ต่อมาในยุคราชวงศ์ถังเกาชางเติบโตขึ้นจากการค้าขายบนเส้นทางสายไหม นอกจากชาวจีนแล้วยังมีผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ด้วย เมืองเกาชางสร้างจากดินอัดแน่น แบ่งออกเป็น เมืองชั้นนอก ชั้นใน และเขตพระราชวัง กำแพงเมืองชั้นนอกนั้นสูงและหนาประมาณ 12 เมตร ความยาวโดยรอบ 5.4 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมกำแพงไว้อีกชั้น ประตูเมืองของกำแพงชั้นนอกมี 9 แห่ง ทิศละ 2 แต่ทางใต้มี 3 แห่ง ประตูทางฝั่งตะวันตกมีความสมบูรณ์กว่าด้านอื่น ทางด้านใต้ของเมืองชั้นนอกมีซากวัด เป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่า กษัตริย์และประชาชนในเมือง เกาชางเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา ในศตวรรษที่ 6 ซึ่งอยู่ในยุคราชวงศ์ถังของจีน กษัตริย์แห่งเมืองเกาชางได้นิมนต์พระเสวียนจั้ง (หรือพระถังซำจั๋งในวรรณกรรมไซอิ๋ว) ระหว่างเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากอินเดีย ให้แวะแสดงธรรมอยู่ที่เกาชาง 1 เดือน และสร้างศาลาแสดงธรรมไว้โดยเฉพาะ ศาลาแสดงธรรมยังคงเหลือส่วนฐานให้เห็น และมีฐานสถูปเจดีย์ฐานเป็นวงกลม ที่บูรณะขึ้นโดยใช้ดินเหนียวอยู่ไม่ไกลกัน ภายในวัดยังมีผนังเจาะเป็นช่อง แต่เดิมใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปด้วย แถวซากวัดเป็นบริเวณที่มีความสมบูรณ์มากกว่าส่วนอื่น ๆ กำแพงชั้นในไม่เหลือร่องรอยของประตูเมืองแล้ว มีแต่กำแพงบางด้านที่ยังคงอยู่ ส่วนเขตพระราชวังจะอยู่ระหว่างกำแพงเมืองชั้นในและชั้นนอกทางด้านเหนือ ยังคงเห็นเสาของอาคารที่เคยใช้เป็นที่พักอาศัยของชาววัง ราวศตวรรษที่ 9 เกาชางถูกครอบครองโดยอาณาจักรอุยกูร์ และคงความเป็นเมืองมาจนถึงศตวรรษที่ 14 ก่อนจะถูกภัยสงครามทำให้เสียหายและกลายเป็นเมืองร้าง ผ่านมาหลายร้อยปี ซากเมืองถูกทุบ ทำลายเอาดินไปก่อสร้างหรือเพาะปลูก ทำให้ร่องรอยของอดีตถูกทำลายเสียหายมากขึ้น ตั้งแต่ปี 1961 เป็นต้นมา จึงเริ่มมีการศึกษาและอนุรักษ์อย่างจริงจังเพื่อให้เมืองเกาชาง เมืองโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์จากอดีตกาลคงอยู่ต่อไป

นำท่านชม ภูเขาเปลวไฟ เป็นสถานที่รู้จักกันดีในนวนิยายเรื่องไซอิ๋วตอนที่ซุนหงอคงไปขอยืมพัดกายสิทธิ์จากองค์หญิงพัดเหล็กมาดับไฟในภูเขาเปลวเพลิงเพื่อให้พระถังซำจั๋ง ได้เดินทางไปเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดียต่อ ภูเขาเปลวเพลิงมีลักษณะเป็นหินสีอิฐทั้งภูเขาไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้น ถ้ามองจากที่ไกล ๆ จะเห็นเป็นเพลิงสีแดงคล้ายไฟลุกไหม้

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตาคาร

นำท่านชม เจดีย์ซูกงถ่า หรือ มัสยิดเอ่อ หมิ่น เป็นเจดีย์ของชาวมุสลิม ที่สูงใหญ่มาก ชื่อเอ๋อหมิ่น มิเนเรต์ หมายถึง เจดีย์แห่งการรำลึกถึง เอ๋อหมิ่นโฮจา หรือชื่อเรียกในภาษาจีนว่า ซูกงถ่า สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1778 รัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง โดยสุไลมานเมืองทูรูฟาน เพื่อเป็นอนุสรณ์สดุดีแก่เอ๋อหมิ่น โฮจา ผู้เป็นบิดาและอดีตผู้นำชาวอุยกูร์ ช่วยราชสำนักชิงในการปราบกบฎชนเผ่าจุนการ์ ตัวเจดีย์  ส่วนฐานเป็นอิฐเรียงแบบเรียบๆ ตอนกลาง และ ตอนบนเป็นลวดลายทรงเรขาคณิต ลายภูเขา ลายกระแสคลื่น และลายดอกไม้ รวมแล้วกว่า 10 ลาย เป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบซาเลเซนิคของเปอร์เซียซึ่งมีสภาพภูมิอากาศร้อนแห้งเช่นเดียวกับทูรูฟานด้านข้างเจดีย์มัสยิดชื่อเดียวกัน เป็นอาคารก่ออิฐทรงสี่เหลี่ยมหลังคาทรงกลีบบัว ผนังภายในทาสีขาวโพลน ไม่มีภาพวาด เนื่องจากทูหลู่ฟานเป็นแหล่งชาวอิสลามจึงมีหมวกใบเล็กๆที่เป็นเครื่องแต่งกายประจำตัวของทั้งหญิงและชายหลายแบบหลากสีสันโดยเฉพาะของผู้หญิง ปักเลื่อมสวยงามมาก...จากนั้นนำท่านชมสวนองุ่น เลือกซื้อหาองุ่นแห้งของผู้ใหญ่บ้าน

นำท่านชม บ่อน้ำคานเอ๋อจิ่งชลประทาน เป็นบ่อน้ำที่นิยมใช้ในสภาพอากาศที่แห้งแล้งหรือแนวเขตทะเลทรายลักษณะพิเศษคือเป็นบ่อชลประทานที่ขุดต่อเชื่อมทะลุถึงกันจากเนินเขาจนถึงที่นาพบมากในมณฑลซินเจียง โดยเฉพาะที่ ทูรูฟาน ทีเดียวก็มีมากถึงพันกว่าแห่ง ความยาวของบ่อรวม 5000 กิโลเมตร บ่อน้ำนี้เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวทูรูฟานที่ตกทอดสืบเนื่องกันมาเป็นพัน ๆ ปี

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

HAMPTON BY HILTON HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟทูรูฟาน เพื่อโดยสารรถไฟไปสู่ เมืองลิ่วหยวน (ใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 4 ชั่วโมง)  สำคัญ : สถานีรถไฟในจีน: ผู้เดินทางจะต้องดูแลรับผิดชอบการถือกระเป๋าใหญ่ด้วยตนเองดังนั้นกระเป๋าใบใหญ่มากไม่เหมาะที่จะใช้เดินทางด้วยรถไฟในจีนเพราะบนรถไม่มีที่วางสัมภาระเพียงพอกระเป๋าล้อลากคันชักขนาดกลางเป็นกระเป๋าที่สะดวกที่สุดในการที่ท่านจะเข็นผ่านด่านเอ็กซเรย์ และขึ้น-ลงบันไดด้วยตนเอง (สิ่งของมีคมต่าง ๆ ให้โหลดในกระเป๋าใบใหญ่)

11.13 น.      ออกเดินทาง สู่สถานีเมืองลิ่วหยวน โดยรถไฟความเร็วสูง ขบวนที่ D56

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน (อาหารกล่องบนรถไฟ)

14.24 น.      เดินทางถึง สถานีรถไฟเมืองลิ่วหยวน แล้วนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองตุนหวง (ระยะทางประมาณ 130 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง) ตุนหวงเป็นเมืองโอเอซิสกลางทะเลทรายโกบี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน แม้จะเป็นเมืองเล็กแต่มีบทบาทสำคัญยิ่งในฐานะเป็นแหล่งศาสนศิลป์ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ตุนหวง เป็นศูนย์กลางสำคัญบนเส้นทางไหม (Silk Road) เป็นทางผ่านและจุดแวะพักของขบวนคาราวานพ่อค้าและถนนไหมเป็นเส้นทางแห่งการเผยแพร่พุทธศาสนา จากอินเดียเข้ามายังประเทศจีน ตุนหวงจึงกลายเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมหลายชนชาติ โดยเฉพาะจีน อินเดีย กรีก และอาหรับ หลอมรวมและช่วยกันสร้างวัดในถ้ำไว้เป็นที่สักการบูชาพระพุทธเจ้า โดยปรากฏหลักฐานโบราณคดีอันล้ำค่ามีสภาพสมบูรณ์ในถ้ำแห่งนี้

นำท่านสู่ เนินทรายร้องไห้หมิงซาซาน 鸣沙山 เป็นเนินทรายสูงพอสมควร เมื่อท่านขึ้นถึงยอดเขา  โดยบันไดลิง ท่านสามารถไถลลื่นลงมาสู่เชิงเขาด้านล่าง (SAND DUNE) หากโอกาสเหมาะท่านอาจได้ยินเสียงลมสะท้อนเป็นเสียงคล้าย การลั่นกลองรบ เสียงม้าร้อง เสียงสู้รบ และเสียงคนร้อง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเคยมีกองทัพถูกพายุทรายพัดกระหน่ำและถูกฝังทั้งเป็นทั้งกองทัพอยู่ใต้ภูเขาลูกนี้ ดังนั้นเมื่อท่านลื่นไถลลงมาจากยอดเนินจึงอาจมีเสียงประหลาดเกิดขึ้น และ นำท่าน ขี่อูฐชมทะเลทราย  จูงเป็นคาราวานไปพร้อม ๆ กัน  อูฐ 5 ตัว ต่อคนจูงอูฐ 1 คน จนถึงจุดจอดลงจากอูฐเพื่อพบกันจุดนัดพบ นำท่านไปชม สระน้ำวงพระจันทร์ 月牙泉 บ่อน้ำผุดหรือโอเอซิส ที่ไม่เคยเหือดแห้งแม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทรายโกบีทั้งที่มีความลึกเฉลี่ยเพียง 6 เมตร เท่านั้น บริเวณด้านในมีเก๋งจีนให้ท่านเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนจุดที่สวยงามยิ่งนัก (การท่องเที่ยวทะเลทรายหมิงซาซาน+ขี่อูฐ วันนี้ให้ทุกท่านเตรียมหน้ากากเพื่อปิดจมูกกันฝุ่นละออง แว่นกันแดด แจ็คเก็ตกันลม เตรียมสิ่งของให้น้อยที่สุดเพื่อความสะดวกการขี่อูฐของทุกท่านคะ กรุณาเตรียมเงินค่าทิปคนจูงอูฐ 20 หยวน / ท่าน อิสระจนสมควรแก่เวลานัดพบจุดนัดหมายเพื่อนั่งรถกอล์ฟขาออก        

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

หลังอาหารนำท่านสู่ ตลาดกวาโจว หรือไนท์มาร์เกตแห่งตุนหวง ตลาดกลางคืนที่ใหญ่และมีของให้เลือกชมทั้งของกิน ขนม ผลไม้ขึ้นชื่อต่างๆ ของมณฑลกานซู่ รวมถึงสินค้าของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งมีทั้งหินเครื่องประดับต่างๆ, เครื่องดนตรี หรือสิ่งของที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของประเทศจีน อาทิ น้ำเต้าที่ระลึก หรือภาพวาดจีน ผ้าพันคอลายนางอัปสร ตุ๊กตาพวงกุญแจอูฐ  ฯลฯ

CHENG HE SHUN  HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า             รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

ก่อนเข้าชมถ้ำ นำท่านชมภาพยนตร์ 3 มิติ ที่เล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของเส้นทางสายไหม การค้าขายและขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางสายไหม การกำเนิดของ ถ้ำหินมั่วเกาคู และความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาของแผ่นดินจีนในอดีต.....  จากนั้นนำท่านชม ถ้ำโม่เกาคู 莫高窟 มรดกโลกที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก “ เป็นถ้ำที่มีคูหาใหญ่น้อยถึง 495 คูหา มีภาพวาดสีบนผนังสวยงามมีรูปแกะสลักพระพุทธรูปและองค์เจ้าแม่กวนอิม  ปัจจุบันเปิดให้ชมเพียง 70 คูหาเท่านั้นในคูหาต้นๆ เป็นผลงานการบุกเบิกของพระสงฆ์เล่อจุนในปี   ค.ศ.366 ส่วนคูหาสุดท้ายขุดเมื่อยุคที่มองโกลมีชัยชนะเหนืออาณาจักรจีนใน ปี ค.ศ. 1277 ดั้งนั้น  ปฎิมากรรมหรือจิตรกรรมที่ท่านจะได้ชมที่ถ้ำโม่เกาแห่งนี้เกิดจากความเพียรพยายามของจิตรกรและช่างหลากยุคหลายสมัยตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่นับเนื่องยาวนานเกือบ 1,000 ปี ศิลปะที่ถ้ำผาโม่เกาส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์สุยและถัง ภาพวาดสมัยราชวงศ์ถังส่วนมากเป็นนางฟ้าล่องลอยในอากาศ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะถ้ำที่ตุนหวง ภาพเขียนสีภายในถ้ำ เป็นเรื่องราวของความดี-ความชั่ว และความสุขนิรันดร์ในสรวงสวรรค์ คล้ายกับว่าสวรรค์ และโลกเป็นเอกภพเดียวกันในจำนวนถ้ำ 492 ถ้ำโม่เกา (Mogao) เป็นถ้ำมีขนาดใหญ่ที่สุดและอายุเก่าแก่มาก แกะสลักหน้าผาทางซีกตะวันออกของภูเขาหมิงซา รวมความยาว 1,600 เมตร  ทุกตารางนิ้วของผนังถ้ำเต็มไปด้วยภาพวาดและรูปสลักทางศาสนา และถ้ำแห่งนี้มีภาพผนังกินเนื้อที่กว่า 45,000 ตารางเมตร นักโบราณคดีตะวันตกขนานนามภาพผนังแห่งนี้ว่า “ห้องสมุดบนผนัง”

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เจียยวี่กวน (โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง)

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย            นำท่านแวะ ถ่ายรูปปั้นเด็กที่โกบี (ต้าตี้จือจื่อ)

REZEN HOTEL YUANDONG หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า             รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านชม ด่านเจียยวี่กวน เป็นด่านสุดท้ายของกำแพงเมืองจีนทางด้านตะวันตก เป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนที่ทอดยาวถึงด่านซันไห่กวนทางภาคอีสานของจีน ชมปราการสูง 773 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กำแพงสูง 10 เมตร ยาว 640 เมตร เป็นที่ตั้งของหอระวังภัย ด้านหนึ่งทอดไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้สู่เทือกเขาฉีเหลียนซาน อีกด้านหนึ่งทอดไปทางทิศเหนือสู่เทือกเขาเป่ยซาน 

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จางเย่ (ระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตรประมาณ 4 ชม.)

จางเย่ เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากในเส้นทางสายไหม ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมาในเรื่องที่เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ชมพุทธสถานสำคัญของจางเย่  คือ วัดพระใหญ่ต้ำฝอซื่อ 大佛寺 Dafo Si สร้างใน ปี ค.ศ. 1098 สมัยซีเซี่ยภายในวิหารใหญ่เป็นที่ประดิษฐานของพระนอนศกัดิ์สทิธิ์องค์ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนมีความยาว 34.5 ม. พระอังสากว้าง 7.5 ม. พระกรรณยาว 4 ม. พระบาทยาว 5.2 ม.

จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถอุทยานท่องเที่ยวจุดไฮไลท์ 3 จุด ที่สวยงามที่สุด สู่ เขตภูมิทัศน์จางเย่ฉีเหลียนซานตันเสียตี้เม่า 丹霞地貌  Zhangye Qilianshan Danxia Landform หรือ  หุบเขาสายรุ้งหวู่ไฉ่ซาน Rainbow Mountain จัดเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ มหัศจรรย์ของจีนอันงดงามแปลกตา ในเขตภูเขาฉีเหลียนซาน ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 300 ตร.กม. อยู่บนระดับ ความสูง 2,000-3,800 ม. จากระดับน้ำทะเล ในทางธรณีวิทยา สันนิษฐานว่ามีอายุมานานกว่า 2 ล้านปี ผ่านการกัดกร่อนของธรรมชาติ สายลม แสงแดดและความแห้งแล้งของภูมิประเทศ เผยให้เห็นถึงชั้นของแร่ธาตุใต้ดินที่บ้างเป็นริ้วเลื่อมลายหลากสีสัน 6 พาด ผ่านทั้งเนินภู แลซับซ้อน บ้างเป็นหุบโตรกลึกชัน บ้างคล้ายดั่งปราสาทในดินแดนเทพนิยาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ตามจินตนาการอันหลากหลาย จางเย่ เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างมากในเส้นทางสายไหม ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมาในเรื่องที่เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา

ค่ำ        รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

QILIAN PEARL HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางจาก เมืองจางเย่ ไป เมืองหวู่เว่ย (ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม.) ในอดีตเรียกเหลียงโจวมีชื่อเสียงในฐานะเมืองประวัติศาสตร์บน เส้นทางสายแพรไหม และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงจามรีขนสีขาวขึ้นชื่อของประเทศ ในอดีตเคยใช้เป็นเส้นทางที่เดินทางสู่ ดินแดนทิเบตทางตอนใต้

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย             นำท่านชม สุสานเหลยไถราชวงศ์ฮั่น สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ในเดือนตุลาคมปี ค.ศ.1969 ได้มีการขุดค้นพอหลุมฝังศพแม่ทัพสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเข้าไปโดยบังเอิญ สิ่งสำคัญที่ได้พบในสุสานแห่งนี้คือ รูปหล่อทองเหลืองอาชาผยอง ที่เรียกขานกันว่า “หม่าท่าเฟยเอี้ยน” หรือ “ม้าเหยียบนกนางแอ่นเหินลม” อันเป็นม้าสวรรค์ตะวันตก สิ่งสุดยอดปรารถนาของจักรพรรดิในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีรูปลักษณ์สง่างามในท่วงท่ากำลังกระโจนทะยานมุ่งไปเบื้องหน้าอย่างทระนงองอาจ เท้าทั้งสามกำลังเหาะหินอยู่กลางนภา เท้าที่สี่เหยียบอยู่เหนือตัวนกนางแอ่นที่กำลังถลาลม มีรูจมูกเปิดกว้าง และปากกำลังพ่นควันระบายออกมา ร่ำลือกันว่าเหงื่อของม้าสวรรค์นี้มีสีแดงประดุจชาด ในยามที่ส่งเสียงร้องอย่างคึกคะนองนั้น สามารถสยบม้าของศัตรูให้หมอบราบคาบได้โดยง่ายดาย “หม่าท่าเฟยเอี้ยน” คือสัญลักษณ์ของเมืองหวู่เว่ย ของการท่องเที่ยวประเทศจีน และเส้นทาง สายแพรไหมอันยาวไกล

จากนั้น        นำท่านสู่ เมืองหลันโจว (ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม.) เมืองเอกของมณฑลกานซู่ มณฑลภาคตะวันตกเฉียงเหนือเป็นจุดผ่านของเส้นทางสายไหม เป็นเมืองอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและเครื่องจักรกลหนักมีพื้นที่ 390,000 ตารางกิโลเมตร ตอนบนมีเขตแดนติดต่อกับมองโกเลียใน และมองโกเลียนอก

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

ที่พัก YULUXE LANZHOU HOTEL หรือเทียบเท่า 4 ดาว

เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านชม  สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง หรือ สะพานเหล็กจงซาน “หวงเหอตี้อิ๊เฉียว” แปลว่า สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง เป็นสะพานข้ามแม่น้ำหวงเหอ แรกสร้างตั้งแต่ราชวงศ์หมิ ปี ค.ศ. 1372 โดยซ่งกั๋วกง (เทียบตำแหน่งเจ้าพระยา) นามเฝิงเสิ้ง อยู่ห่างจากตัวเมืองหลานโจวสมัยนั้น ไปทางทิศตะวันตก เป็นสะพานแบบพาดบนเรือที่ร้อยติดกันด้วยเชือกและโซ่ หรือสะพานแบบลอยน้ำนั่นเอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1376 เว่ยกั๋วกง นามเติ้งอวี้ ได้ย้ายตัวสะพานออกไปอีก กลายเป็นห่างจากตัว เมืองหลานโจวไปทางทิศตะวันตก จึงตั้งชื่อสะพานว่า เจิ้นเหวี่ยนเฉียว ครั้นถึงปี ค.ศ. 1385 แม่ทัพแห่งเมืองหลานโจวนามว่า หยางเหลียน ได้ย้ายสะพานลอยน้ำ มาอยู่ในที่ตั้งสะพานปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบัน เวลานี้ ก็ยังเหลือเสาสะพานลอยน้ำเหล็กหล่อยาว 5.8 เมตร จำนวน 3 ต้น น้ำหนัก 10 ตัน เป็นอนุสรณ์ ปี ค.ศ. 1907 รัฐบาลชิง ในสมัยนั้นพร้อมกับความเห็นชอบของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำท้องถิ่น และความช่วยเหลือของพ่อค้าชาวเยอรมันทั้งยังได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิค จากเยอรมันและอเมริการัฐบาลชิงได้ใช้งบประมาณเป็นเงินกว่าสามแสนตำลึง สร้างสะพานเหล็กเส้นแรกของแม่น้ำเหลืองหรือหวงเหอ โดยสะพานมีความยาว 233.33 เมตร กว้าง 7.5 เมตร ต่อมาในปี ค.ศ. 1942 เปลี่ยนชื่อสะพาน เป็นสะพาน จงซานเฉียว (สะพานเหล็กดร.ซุนยัดเซ็น) เพื่อเป็นการระลึกถึง ดร.ซุนยัตเซ็น บิดาแห่งจีนใหม่

นำท่านชม อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง (แม่น้ำฮวงโห) หรือหวงเหอหมู่ชิง (Huang He Mu Qing) ผลงานของศิลปินหญิงชาวจีนชื่อ “เหอเอ้อ” ตั้งอยู่ช่วงกลางถนนปินเหอลู่สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1986 ประติมากรรมนี้สลักจากหินแกรนิต รูปปั้นนี้เปรียบแม่น้ำฮวงโห เสมือนมารดาที่หล่อเลี้ยงลูกน้อยคือมวลประชาชาวจีนหลายร้อยล้านคนมายาวนานกว่า 4,000 ปี ถือว่าแม่น้ำเหลืองเป็นต้นธารแห่งประวัติศาสตร์ชาติจีน นับเนื่องมาแต่ปฐมกษัตริย์ของจีนในยุคตอนต้น

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้น        นำท่านไปยัง สนามบินเมืองหลันโจว เพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองเฉิงตู 

14.35 น.      ออกเดินทางสู่ กรุงเฉิงตู โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-6336 กระเป๋าใบใหญ่โหลด 23 กิโลกรัมต่อท่าน ท่านละ 1 ใบเท่านั้น (โปรดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด) **บริการของว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง**

16.15 น.      เดินทางถึง ท่าอากาศยานเฉิงตู

ค่ำ               รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร  (อาหารสมุนไพรจีน ต้นตำรับ)

หลังอาหารนำท่านช้อปปิ้ง ถนนคนเดินโบราณ“จิ๋นหลี่”｜锦里古街 Jinli street ถนนคนเดินสายนี้เป็นถนนโบราณตั้งแต่ราชวงศ์ ชิง ในอดีตเคยเป็นโรงงานผลิตผ้าไหมใหญ่ที่สุดในจีน ในสมัยสามก๊กถือว่าเป็นสถานที่ที่ค้าขายของ ขายผ้าไหม งานฝีมือต่างๆ ที่มีความสำคัญและคึกคักมาก แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นถนนช้อปปิ้ง แหล่งของกิน แหล่งถ่ายรูปที่มีกลิ่นอายความคลาสสิค ความโบราณที่ผสมผสานกับความเป็นที่ท่องเที่ยวสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

ที่พัก DADING CENTURY HOTEL หรือเทียบเท่า 4-5 ดาว

เช้า              รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

09.30 น.      นำท่านไปยัง สนามบินเมืองเฉิงตู เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ สนามบินเฉินตู

14.20 น.      ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน เสฉวนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 3U-3935 **บริการของว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง**

17.00 น.      เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ